วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10 อันดับสัตว์เหลือเชื่อว่าจะมีพิษ ๆ



10.นกคุ่มยุโรป (Eurasian Common Quail)


เริ่มต้นกันที่ อันดับ 10 ของทีมงาน toptenthailand นกเท่าที่โลกรายงานมาพบว่ามันมี 11 ชนิดที่มีพิษ ในจำนวนเหล่านี้มีนกคุ่มยุโรปซึ่งเป็นนกย้ายถิ่นที่มีอยู่ทั่วไปในยุโรป แอฟริกา และเอเชีย ที่เชื่อว่ามีพิษมากว่า 3,500 ปีมาแล้ว แต่ไม่รู้แน่ว่ามันสะสมพิษที่ใด นักวิทยาศาสตร์รู้เพียงว่าเนื้อของมันมีพิษบางตัว ในบางพื้นที บางฤดู (ช่วงอพยพ) เมื่อกินเนื้อที่มีพิษนี้เข้าไปจะทำให้ได้รับพิษ Noturnism ซึ่งทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อ่อนแรง บางกรณีอาจรุนแรงถึงหายใจไม่ออกและตายในที่สุด แต่กระนั้นชาวยุโรปก็ไม่เข็ดที่จะกินเนื้อนกนี้แม้จะมีพิศก็ตาม (เหมือนกับกินปลากปักเป้าของญี่ปุ่นนั้นแหละ)
9.หมึกกระดอง (Cuttlefish)
ถัดมาในอันดับ 9 ของทีมงาน toptenthailand ไม่ใช่ปลาหมึกย่าง!! แต่เป็นปลาหมึกกระดอง หรือปลาหมึก Plocctopuses ส่วนใหญ่แล้วจะใช้พิษในการจับเหยื่อ โดยต่อมน้ำลายของมันจะสกัดสารพิษที่เรียกว่า “Cephalotoxin” ซึ่งปรกติแล้วจะส่งผลต่อพวกกุ้งปูเป็นหลัก และฉีดพิษเร็วกว่างูและมีผลคล้ายกับพิษงูคือทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต แต่กระนั้นไม่ส่งผลอันตรายต่อมนุษย์ ยกเว้นหมึกยักษ์วงฟ้าที่ติดอันดับสัตว์มีพิษร้ายแรงของโลก มีสารพิษ Maculotoxinจึ๊กเดียวมนุษย์ตายทันที!!! แต่ไม่มีรายงานว่าพบในไทยหรอกนะ พบแต่ในออสเตรเลียเท่านั้น โล่งอกไป
8.นกพีโทวี่หัวดำ (Hooded Pitohui)
ดูจากภายนอกแล้วมันเป็นนกตัวขนาดกลางๆ สีสันสดใสดูน่ารักดีนะครับ แต่ว่ามันอยู่ในอันดับ 8 ของทีมงาน toptenthailand นกพีโทนี่หัวดำที่พบในเกาะนิวกีนีเท่านั้น และเชื่อหรือไม่ว่ามันมีพิษครับ พิษมันอยู่ที่ผิวและขนที่บรรจุพิษอันทรงพลังที่เรียกว่าโมบราทาท็อกซิน (Homobrobratachotoxin) ซึ่งเป็นสารพิษชนิดเดียวกับพิษของกบลูกศรพิษ ซึ่งเป็นพิษที่ทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อชา และส่งผลให้หัวใจล้มเหลวทันที ถึงแม้ความรุนแรงของมันจะน้อยกว่ากบ แต่การออกฤทธิ์ก็ยังรวดเร็วพอๆ กันคือเพียงแค่สัมผัสหรือสูดดมขนของมันเท่านั้น ที่น่าเหลือเชื่อต่อมาคือมนุษย์รู้จักนกนี้มากว่า 150 ปีมาแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่ามันมีพิษ จนกระทั้งมีงานวิจัยตีพิมพ์ในนิตยสารในปี 1993 นี้แหละถึงได้รู้ ชาวเกาะเรียกนก พวกนี้ว่า นกที่มีกลิ่นสาบเพราะมันมีกลิ่นสาบรุนแรงมากและติดอยู่กับผิวหนังได้นานหลายวัน นกชนิดนี้สามารถใช้เป็นอาหารได้ครับเพียงแต่ว่าชาวพื้นเมืองจะไม่นิยมกินกัน ยกเว้นถ้ามันขาดแคลนอาหารจริงๆ เท่านั้น เวลากินจะถอนขนและถลกหนังออกแล้วคลุกกับผงนำไปย่าง
7.หอยสังข์ (Cone Snail)
มาที่อันดับ 7 ของทีมงาน toptenthailand เป็นสังข์ทอง เอ๊ยไม่ใช่!! หอยสังข์ เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดว่าเป็นหอยที่มีสีสันสวยงามมาก และเป็นนักฆ่าที่รวดเร็วที่สุดในโลก อีกทั้งพิษรุนแรงติดอันดับโลกด้วย ปัจจุบันยังไม่มียารักษาพิษของหอยสังข์แต่อย่างใด หอยสังข์ส่วนมากพบตามตามปะการัง และเมื่อมันพบศัตรูมันจะใช้เข็มพิษเป็นอาวุธ ซึ่งพิษของมันจะทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตโดยเฉียบพลันภายใน 1/200 วินาที ความเร็วจู่โจมอยู่ที่ 1/4 วินาที โดยเฉพาะหอยสังข์สายพันธุ์ Conus geographus หรือหอยก้นบุหรี่ มีพิษร้านแรงมาก จนมีคำกล่าวว่าใครโดนพิษนี้เข้าไปชีวิตของคนนั้นจะอยู่ที่บุหรี่ 1 มวน พิษของมันทำให้ปวด ชา บวม กรณีร้ายแรงคือทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต สายตาพร่ามัว ระบบหายใจล้มเหลว และตายได้
6.กีล่ามอนสเตอร์ (Gilla Monster)
ต่อไปเป็นอันดับ 6 ของทีมงาน toptenthailand เป็นกิ้งก่ามีพิษชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hekoderma sispectum พบในเขตทะเลทรายอริโซน่าตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา เป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่โตสุดจะยาวสองฟุต ลำตัวมีลายดำ ชมพู ส้ม เหลือง นิสัยเชื่องช้า ชอบอยู่ในโพรงเป็นส่วนใหญ่ และมันมีพิษโดยเจ้ากิล่ามอนสเตอร์สามารถผลิตพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทของ เหยื่อผ่านทางฟันทางกรามล่าง ผสมกับน้ำลายที่มีเชื้อโรคเข้าไปด้วย แต่พิษนี้ไม่อันตรายต่อมนุษย์ และมนุษย์นิยมจับมันเป็นสัตว์เลี้ยง ทั้งๆ ที่ สัตว์ชนิดนี้ได้รับขึ้นทะเบียนสัตว์สงวนใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงประเทศไทย
5.ปะการัง (Coral)
ปะการังหลายชนิดมีพิษ ปะการังพิษที่เรารู้จักกันดีและอยู่ในอันดับ 5 ของทีมงาน toptenthailand คือ ปะการังไฟที่มีเมือกเป็นพิษโดนเข้าไปจะเจ็บปวดแสบร้อนเป็นรอยไหม้และแผลเป็น แต่ชนิดที่ร้ายแรงและอันตรายที่สุด คือปะการังพรมทะเลหนัง Palythoa ที่พิษของมันสามารถฆ่ากระต่ายได้ถึง 25 ตัว มันสามารถฆ่ามนุษย์ได้เพียง 4 ไมโครกรัม โดยสารพิษของมันคือ Palytoxin อาการคือเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และความดันโลหิตต่ำ และตายไม่กี่นาทีโดยไม่มียารักษา OMG!!
4.มังกรโคโมโด (Komodo Dragon)
หน้าตาคล้ายๆ คุณเห้ บ้านเราเหมือนกัน อันดับ 4 ของทีมงาน toptenthailand มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า วารานัส โคโมโดเอนซิส (Varavus Komodoensis) หมายถึง ตะกวดแห่งโคโมโด เป็นสัตว์เลื่อยคลานอาศัยในเกาะโคโมโดที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ใกล้ๆ หมู่เกาะบาหลี ลักษณะเหมือนตะกวด ยาวประมาณ 3 เมตร หนักกว่า 70 กรัม และอายุยืนถึง 70 ปีเป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร เวลามันจะล่าเหยื่อมันจะซุ่มจู่โจมเหยื่อแล้วกันด้วยฟันที่คม และใช้น้ำลายในปากซึ่งเป็นพิษ ที่ประกอบด้วยแบคทีเรียมากกว่าห้าสิบชนิด เช่นโรคไข้หวัด, โรคมือเท้าปาก, คอตีบ ฯลฯ เหยื่อที่โดนกัดจะเกิดอาการเลือดเป็นพิษและตายในเวลาไม่เกินสามวัน ถ้าเป็นมนุษย์ละก็คงต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายขนานเลยทีเดียว
3.นางอาย (Slow Koris)
ไม่ได้หมายถึงนางชะนีที่ไหนอายหรอก!! แต่เป็นนางอายหรือลิงลม ในอันดับ 3 ของทีมงาน toptenthailand เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหากินเวลากลางคืน รูปร่างอ้วนกลมคล้ายตุ๊กตา ตากลม โต หูเล็ก แขนขาสั้น พบในไทย, ลาว. พม่า, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ เวลาตกใจหรือจับได้ จะชอบซุกหน้าไว้ที่วงแขน (จนเป็นที่มาของชื่อนางอาย) พิษของมันอยู่ภายในต่อมพิษที่ปาก ซึ่งจะ ใช้ป้องกันตัวจากศัตรู นอกจากนี้มันยังมีต่อมพิษท็อกซินที่ผลิตภายในศอกของมัน ใช้ละเลงทั่วตัว ทั้งตัวเองและตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันจากการถูกสัตว์อื่นกิน
2.ตุ่นปากเป็ด (Duck-Billed Platypus)
มาถึงในอันดับ 2 ของทีมงาน toptenthailand กันแล้วนะครับ ตุ่นปากเป็ดเจ้าสัตว์หน้าตาตลก จากออสเตรเลียตะวันตกเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก อาศัยบนบกและในน้ำ มีขนนุ่ม ปากแข็งเหมือนเป็ด และมันมีพิษ (เฉพาะเพศผู้) พิษของมันอยู่ที่เดือย เวลามันเจอศัตรูหรือพวกเดียวกันที่มาแย่งอาณาเขตมัน หรือมาแย่งตัวเมียในฤดูผสมพันธุ์ มันจะใช้เดือยพิษนี้แทงและปล่อยพิษ สำหรับคนแล้วพิษนี้ไม่อาจทำให้ตายได้ แต่กระนั้นก็ทำให้เจ็บปวดสาหัสเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว แต่สำหรับสุนัขและแมวแล้วพิษนี้อาจทำให้ตายได้ ถือว่าตุ่นปากเป็ดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่กี่ชนิดที่มีพิษ โดยจากการศึกษาพบว่ายีนที่ทำให้เกิดพิษนั้นมีลักษณะคล้ายยีนของสัตว์เลื้อย คลาน
1.กิ้งกือ (Millipede)
และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของทีมงาน toptenthailand หลายๆ คนอาจยังสงสัยอยู่ว่า กิ้งกือมีพิษเหรอ?” เห็นเหยียบจับมันเป็นประจำไม่เห็นเป็นอะไรเลย กิ้งกือจัดอยู่ใน Class Diplopoda พบทั่วโลก เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างกลมยาว ขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร มีหลายสี แต่ส่วนใหญ่มีสีส้ม มีขา 2 คู่ โดยพิษของมันจะอยู่ที่ต่อมหลั่งสารพิษข้างลำตัว ซึ่งบางชนิดสามารถฉีดออกมาได้ในระยะใกล้ๆ โดยใช้สำหรับปกป้องศัตรูเท่านั้น เวลาเราเอาไม้เขี่ยมันจะม้วนขดตัวเป็นวงกลม ในขณะเดียวกันมันก็ได้ปล่อยพิษสารในกลุ่ม ไซยาไนต์ (Hydrogen Cyanide)” หรือสารที่เรียกว่า เบนโซคิโนน เป็นของเหลวเมื่อถูกอากาศจะเป็นสีแดง กลิ่นเหม็นคล้ายน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำตามโรงพยาบาล มีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้ ทำให้มีอาการปวด 2-3 วัน และถ้าเกิดสารพิษเข้าตาอาจทำให้ตาอักเสบได้ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ยกเว้นถ้ามีปริมาณมากๆ เช่น ใครเผลอตกไปในบ่อกิ้งกือนับพันๆตัวประมาณนี้ได้ล่ะมั้ง นึกแล้วขนลุก บรื๋อ!!!












10 อันดับสัตว์ที่ลึกลับและน่ากลัว



10. Dover Demon
เขา เรียกกันว่า ปีศาจโดเวอร์ (Dover Demon) เพราะมีผู้พบเห็นที่เมืองโดเวอร์ 
ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอับ 2 รองจากบอสตัน ในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ 
สหรัฐอเมริกา แต่พบเจอแค่ครั้งเดียวนะ ในปี พ.ศ. 2520 หรือ ค.ศ. 1977 
 รูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างดาว สูงประมาณ 4 ฟิต ผิวขรุขระ หัวรูปร่างคล้ายแตงโม 
ตาเปล่งแสงสีส้มปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า เจ้าปีศาจโดเวอร์ 
ตัวนี้มาจากไหน มาได้ยังไง และมีจุดประสงค์อะไร ?  
ก็ยังคงเป็นปริศนาที่เล่าขานกันในท้องถิ่น ต่อไป 
แต่บางคนเขาก็เชื่อว่าเป็นเพียงเรื่องแหกตา 
เพราะก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ มายืนยันสิ่งที่เด็ก ๆ กลุ่มนี้เจอ 
และก็ไม่มีรายงานการพบเจอหรือปรากฏตัวอีก


9. Jersey Devil

เจอร์ซี เดวิล นับว่าเป็นสัตว์ลึกลับอีกชนิดนึ่งที่มีความโด่งดังอยู่พอสมควร ซึ่งชื่อของมันได้มาจากแหล่งหรือบริเวณที่พบเห็นตัวของมันที่บริเวณป่าสน Pine Barrens ของรัฐ New Jersey ทางอมริการูปร่างลักษณะของมัน เจ้าอสูรกายเจอร์ซีย์สูงประมาณ 4-6 ฟุต ลำตัวใหญ่ปกคลุมไปด้วยขนสีดำ มีหัวค่อนข้างคล้ายกับม้า ฟันเหลือง มีเขางอกออกมาจากหน้าผาก 2 อันและมีปีกอันใหญ่อยู่ทางด้านหลัง 2 ปีก และหาง 2 แฉก แต่บ้างก็ว่าเหมือนลูกศร มันดูเหมือนซาตานของทางฝั่งยุโรปด้วยเหตุนี้จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ได้ ฉายาว่า Devil (ซาตาน) Jersey




8.
Flatwoods Monster
สัตว์ประหลาด แห่งแฟลตวู้ด เป็นสัตว์ประหลาดที่มีรายงานการค้นพบที่เมืองFlatwoodsในBraxton Country ที่West Virginia ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่12กันยายนปีค.ศ.1952 จากการรายงานสัตว์ประหลาดชนิดนี้สูงถึง 10 ฟุตมีใบหน้าสีแดง และมีร่างกายเป็นสีเขียว ผู้พบเห็นได้กล่าวไว้ว่ามันมีตารูปร่างคล้าย หัวใจหรือใบโพธิ์ หรืออาจมีตาอยู่บนลายรูปหัวใจ และมีหัวขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายมนุษย์ ซึ่งมีผ้าคลุมสีดำ และต่อมาได้สรุปว่าเป็นสีเขียว บางคนก็บอกว่ามันมีไม่แขน หรือ มีแต่ขนาดเล็ก และสรุปว่ามันมีกรงเล็บยาวคล้ายนิ้ว ซึ่งยื่นออกมาข้างหน้า อีกหนึ่งลักษณะที่ว่า มีรูปร่างคล้ายลูกบอลกลมมีแสงสีแดง ซึ่งลอยอยู่เหนือพื้นดิน หรือ ลอยนิ่งกับพื้น นักยูเอฟโอวิทยา (Ufologists) เชื่อว่า มันอาจเป็นยานบินของมนุษย์ต่างดาวก็ได้




7.
Owlman
มนุษย์นกฮูก เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีผู้อ้างว่าพบเห็นในประเทศอังกฤษ ในยุคทศวรรษที่ 70 ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ผสมกับนกฮูกหรือนกเค้าแมวขนาดใหญ่ ถูกพบเห็นครั้งแรกในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1976 โดยเด็กผู้หญิงอายุ 12 ที่ชื่อ จูน เมลลิ่ง (June Melling) และน้องสาวของเธออายุ 9 ขวบ วิคกี้ (Vicky) จากแลงคาสเตอร์ เด็ก ๆ กลัวและวิ่งไปหาพ่อทันที แต่แทนที่ ดอน เมลลิ่ง (Don Melling) พ่อของเด็ก ๆ จะนำความนี้ไปบอกแก่สื่อมวลชน เขากลับนำไปบอกแก่นักสืบสวนเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ แอนโทนี 'ด็อก' ชิลด์ (Anthony 'Doc' Shiels) ซึ่งชิลด์ก็ได้นำเรื่องทั้งหมดนี้ เขียนเป็นบันทึกและนำไปสู่การล่าหาสัตว์ประหลาดตัวนี้ ชิลด์มีแต่ภาพสเก็ตในวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งชิลด์นั้นเป็นนักหลอกลวง อาจจะประกาศตัวเอง เพื่อแกล้งทำภาพถ่ายจำนวนมากและถ่ายวีดีโอสร้างเรื่อง มนุษย์นกฮูก นี้ขึ้นมาเอง และไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมอีกเลย




6
Lizard Man of Scape Ore Swamp
มีการกล่าวถึง อาศัยอยู่ในพื้นที่ swampland มีการเห็นล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ มีการอธิบายสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ว่า สูง 7 ฟุต 2 นิ้ว ผิวหนังเป็นเกล็ดสีเขียว มีตาสีแดงกล่ำ เท้าแต่ละเท้ามี 3 นิ้ว และมือแต่ละมีก็มี 3 นิ้วเช่นกัน ปลายนิ้วมือมีแผ่นเป็นวงกลมเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ชอบเกาะตามกำแพง ชอบทำความเสียหายแก่รถของผู้โชคร้ายเพราะมันมีความแข็งแรงมาก







5.
Bunyip
Bunyip บันยิพ มีตำนานหรือเรื่องเล่าที่ยังคงกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้ของชนเผ่า อะบอริจินส์ของออสเตรเลีย กล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เป็นจิตวิญญาณจะอาศัยอยู่ตาม แม่น้ำลำคลอง บึง ทะเลสาบ พอเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนมันกลายเป็นสัตว์ประหลาด นิสัยค่อนข้างขี้โมโห ดุร้าย ถ้าใครบุกรุกถิ่นของมันจะถูกมันทำร้าย อาจถูกลากลงน้ำไปเป็นอาหารของมัน รูปร่างประหลาด มี 4ขา แต่ละขามี 3เล็บ รูปร่างใหญ่ ตัวด้านหน้ามีเกล็ดปกคลุมครึ่งหลังเป็นขน หน้าตาคล้ายสุนัขบ้างก็ว่าเหมือนสัตว์อื่นๆ




4.
Sigbin

Sigbin เป็นสิ่งมีชีวิต ฟิลิปปินส์กล่าวไว้ว่ามันจะออกมาเวลากลางคืนเพื่อดูดเลือดจากผู้ที่ตกเป็น เหยื่อ มันคล้ายแพะและมีหูที่ใหญ่และมีหางยาวที่สามารถใช้เป็นแส้ได้ และยังสามารถปล่อยกลิ่นเหม็นๆได้ มีสองขาเหมือนขาตั๊กแตน นักวิทยาศาสตร์พบสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะดูคล้ายๆกันแต่ก็ยังไม่อาจมีข้อสรุป ถึงสัตว์ที่เชื่อมโยงเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันได้




3.
Canvey Island Monster
Monster Island Canvey คือชื่อของซากสิ่งมีชีวิตบนชายฝั่งของเกาะแคนเวย์ในอังกฤษ ในเดือนพฤศจิกายน 1954 ซึ่งมีการค้นพบสิ่งประหลาดขึ้น ในเดือนสิงหาคม ปี 1955 จำนวน 1,954 ชิ้น ได้อธิบายไว้ว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีผิวสีน้ำตาล มีเหงือกสีแดงและตาปูดโปน ขาหลังเท้ารูปเกือกม้าห้าส่วนมีโค้งเว้าเหมาะสำหรับเดิน 2 เท้า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และยังไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการกับซากสิ่งมีชีวิตที่พบ




2.
Pope Lick Monster
ในบันทึกส่วน ใหญ่ Pope Lick Monster จะปรากฎเป็นร่างมนุษย์ผสมแพะโดยร่างเป็นชายผู้หนึ่ง มีพละกำลังมากปกคลุมไปด้วยเส้นขนแพะ ตาเหมือนนกอินทรี เขาคมยื่นออกมา ตามตำนานมีอยู่มากมาย ตำนานหนึ่งบอกว่ามันจะมีวิธีทำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมันด้วยการสะกดจิตหรือ ใช้เสียงเพื่อล่อ และอีกตำนานบอกว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะถูกโจมตีด้วยขวาน




1
Goatman
โกทแมนเป็น สิ่งมีชีวิตลูกผสมระหว่างมนุษย์กับแพะลึกลับที่โด่งดังมากในเขต เมือง Prince George รัฐ แมรีแลนด์ การพบเห็นครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในปี 1957 ทาง ตอนบนของเมือง Marlboro และเมือง Forestville ท่อนล่างของร่างกายขาและเท้ามีกีบเหมือนแพะ ท่อนบนของร่างกายเป็นมนุษย์ ศีรษะมีเขาแพะ ผิวหนังบนร่างกายปกคลุมไปด้วยขน สูงประมาณสองเมตร หนักกว่า 130 กิโลกรัม หลายคนเชื่อว่าโกท แมนน่าจะเป็นญาติห่างๆกับบิ๊กฟุต หรือมีความได้โกทแมน เกิดขึ้นจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในการตัดต่อพันธุกรรมของคนและแพะเข้า ด้วยกันโดยศูนย์ค้นคว้าและวิจัย beltsville แห่งเมือง prince george อันเป็นแหล่งกำเนิดของตำนานโกทแมน แต่อย่างไรก็ตาม ตามแบบฉบับสิ่งมีชีวิตลึกลับมักจะไม่ค่อยให้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่า เชื่อถือซึ่งแสดงถึงการมีตัวตนอยู่จริงของมัน




# จ้องหน้านานๆแล้วกัวอะ TT'